เรื่องเล่า ตอนนี้ จะเป็นการพูดถึง การพบเจอกันของผู้คน แม้หลายๆครั้ง หลายๆคนจะบอกว่า มันเป็นความบังเอิญ แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่มีคำว่า “บังเอิญ” ในสารบบของผมแน่นอน เพราะความเชื่อที่ว่า ทุกชีวิต ทุกเรื่องราว ต่างถูกขีดเขียนเอาไว้แล้ว เพียงแค่รอเวลา ที่เหมาะสมนั้น ทุกอย่างที่เจอ ทุกเหตุการณ์ที่สัมผัส ย่อมดีแล้ว เหมาะสมแล้วครับเพื่อไม่ให้เสียเวลาสำหรับตอนนี้ เรามาลองฟังเรื่องเล่าในตอนที่ชื่อว่า การพบเจอกัน ไม่มีคำว่า “บังเอิญ”
เมื่อวานหลังจากนั่งเรียน นั่งเขียนบทความ ทำนายดวงให้น้องๆที่ได้ทักมาพูดคุยกันถึงสารทุกข์สุขดิบรวมถึงช่วงนี้ดวงชะตาของน้องๆเป็นอย่างไรบ้าง ก็ลากยาวมาถึงช่วงเวลาเย็นๆ มองไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่บนข้างฝา ถึงเวลาแล้วแหละที่ต้องออกเดินทางได้ เพราะว่าน้องคนสวยมีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อนๆที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับ โรงเรียนที่ผมเคยเรียนอยู่นั่นเอง น้องคนสวยถามว่าวันนี้อยากไปกินข้าวดัวยกันไหม? ผมจึงหันกลับไปแล้วบอกกับน้องคนสวยว่า อ่อได้แหละ ไม่น่าติดอะไรนะ ในระหว่างที่หันไปตอบนั้น ผมจึงเก็บของนั่นนี่นู่นใส่ในกระเป๋าสะพายอันโปรด รวมถึงผมหันไปหยิบของบางอย่าง เพราะว่าเหลือบตาไปมองเห็นพอดี พลันคิดในใจว่า น่าจะมีใครสักคนนี้ได้ของชิ้นนี้ไป อีกทั้งยังอยู่ในช่วงของเทศกาลปีใหม่ จึงหยิบของชิ้นนี้ไป รวมไปถึงผมได้คว้า #ไพ่โปเนียว ติดตัวไปด้วย…เรียกว่าช่วงนี้ หยิบติดตัวไปพร้อม #ไพ่ชินจัง สำรับโปรดนี่เอง
ตัดภาพมาที่ร้านอาหารที่ได้นัดรวมตัวกัน หลังจากที่เราทั้งสองคนเดินทางมาถึงที่ร้านแล้ว บรรดาเพื่อนๆของน้องคนสวย ก็ได้ทะยอยๆ กันเดินเข้ามากันจบครบองค์ประชุม ต่างทักทายกัน รถติดไหม จอดตรงไหนกัน เออ วันนี้รถติดมากเลยเนอะ แต่ก็ยังดีที่มาถึงทันเวลาที่ได้นัดกัน และแล้วก็ถึงตอนสำคัญนั่นคือ
การสั่งอาหาร ร้านนี้อาหารอร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย , จีน หรือแม้จะเป็นอาหารฝรั่ง พวกสลัดก็อร่อยมาก เมื่อมีของคาว ก็ต้องมี รอบของหวานก็จะมีเค้กหน้าต่างๆ เด็ดๆ เลยก็ เค้กมะพร้าวเรียกว่า มาร้านนี้ทีไร ต้องสั่งเค้กมะพร้าวเสมอ รวมไปถึงเค้กหน้าโปรดของน้องคนสวย หลังจากนั้นก็เรียกให้เพื่อนๆช่วยกันสั่ง โดยบอกให้ช่วยกันเลือกมาอย่างละเมนู จะได้แบ่งๆกันอ้วนไป ฮ่าๆๆ ร้ายจริงๆ
เมื่อทานของคาว และ ของหวาน เป็นที่อิ่มท้องแล้ว ต่อไปก็เป็นช่วงสนทนากัน เม้ามอยกันได้อย่างออกรสออกชาติ เพราะว่าไม่มีอะไรมาขวางทางแล้ว รวมไปถึงหลายๆคนไม่ได้เจอหน้าเจอตากันเป็นปีๆ บางคนก็เป็นเดือนๆ รวมไปถึงอัพเดทสถานะทางใจของแต่ละคน ว่าช่วงนี้ความรักเป็นอย่างไรบ้าง การงานนั่นนี่นู่น ช่วงนี้กิจกรรมอะไร ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างในช่วงปีใหม่ สนุกไหม ไว้ชวนกันไปบ้าง บลาๆๆ
โอ้ยย เรียกว่า เรื่องมันยาวจริงๆ ยาวจนต้องตัดภาพมาที่เรื่องราวของผมแทนก็แล้วกันว่า
ทำไมวันนี้ ผมถึงคิดว่า การพบเจอกันนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก มันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาไว้แล้ว
ในส่วนของผมนั้นจะเป็นภาคของการทำนายดวงของน้องๆแต่ละคน
โดยสำหรับวันนี้ ผมใช้ #ไพ่โปเนียว รวมถึง เลขศาสตร์ที่ใช้ทำนายดวงเกิด จากวันและเดือน ในส่วนของไพ่โปเนียว ในการทำนายเรียกว่า จะได้มุมมอง เรื่องราวในแง่บวก การชี้จุดที่ต้องระวัง สิ่งที่จะพบเจอ หรือ สถานการณ์ในปัจจุบัน
แต่คำตอบ คนถามจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง โดยคำทำนายที่ทายให้น้องๆนั้น ก็จะเป็นเรื่องราวคำถามของน้องๆแต่ละคน
บางคนก็จะเน้นถามเรื่องหน้าที่การงาน ความรัก ชีวิตคู่ คนที่เข้ามา บางคนก็ถามถึงคุณแม่ พี่น้องต่างๆนาๆ ว่ากันไป สำหรับบางคนก็จะเน้นถึงความเป็นตัวเอง ชีวิตใกล้ๆนี้ ก็คงเป็นเรื่องทั่วๆไปที่หลายๆคนเป็นกันครับ
ในส่วนของการทำนายโดยใช้เลขศาสตร์นั้น เราได้ใช้หลักและวิธีการทำนาย โดยสร้างขึ้นมา เพื่อใช้สำหรับตรวจดูแบบคร่าวๆเพื่อช่วยดู บุคคลิก ลักษณะนิสัย บ้านเกิด รวมไปถึง เพื่อเติมสิ่งที่คนถูกทำนายขาดไป หรือ ให้ระวังสิ่งที่เขาเป็นอยู่นั่นเอง เมื่อทายแล้วใช่ ตรงกับตัวเรา สิ่งที่เสริมนั้นก็เพื่อช่วยทำให้เขาพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไปนั่นเอง
พอผมได้ไล่ทำนายดวงของน้องๆ ไปเรื่อยๆ คนที่ 1 มาจนถึงน้องคนที่ 2 ก็เรียกได้ว่าการใช้เลขศาสตร์ทำนายดวงจากวันเกิด เดือนเกิด ในหลายๆเรื่องที่ทำนายก็ตรงกับ ชีวิตของพวกน้องๆ ไม่ว่าจะเป็น อาชีพที่ทำอยู่ หรือ ที่เหมาะสมกับน้อง รวมไปถึงบ้านหรือถิ่นที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เขาเป็นอยู่ อีกทั้งนิสัย ความคิด ก็ค่อนข้างตรงเป็นอย่างมาก จวบจนมาถึงน้องคนที่ 3 น้องคนนี้ ในช่วงแรกๆ ที่เราได้มาเจอกันนั้น เรียกได้ว่ามีแรงดึงดูดบางอย่างออกมา แต่ยังไม่สามารถบอกสิ่งใดๆได้อย่างชัดเจน รวมถึงน้องเขาไม่พร้อมที่จะทำนายในช่วงแรกๆ หลังจากได้ฟังสิ่งที่ผมได้ทำนายให้กับเพื่อนๆไปแล้ว หลังจากนั้นก็ยอมที่จะบอกวันและเดือนเกิด เมื่อผมได้รับเลขนั้นมาแล้ว ผมจึงได้เล่าและทำนาย สิ่งที่น้องคนนี้เป็นอยู่ จนมาได้สักพักหนึ่ง เหมือนผมสัมผัสบางสิ่งได้ จากตัวน้อง
จึงได้พูดไปว่า…
น้องเป็นคนที่สามารถสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่หลายๆคน สัมผัสยังไม่ได้
รวมถึงสิ่งนี้ อยู่กับน้อง จะสุข จะทุกข์ จะเศร้า แต่ยามที่น้องร้องไห้ รึ เสียใจ
สิ่งนี้ จะเข้ามาโอบกอด และ สัมผัสน้อง รวมถึงน้องเองก็จะสัมผัส
พลังงานนี้ได้ เขาเปรียบดั่งสายลม ที่โอบกอดรัดน้องไว้ ให้รู้ถึงการมีอยู่ของเขา เขาไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่มันเหมือนเป็นการผูกกันมา เพื่อดูแลกันและกันไว้
น้องทำท่าจะร้องไห้เอา…. ผมจึงบอกไม่เป็นไร ดูสิ ตอนนี้ผมขนลุกมากๆเลย
พอพูดจบน้องๆในกลุ่มนี้บอก เหมือนกันว่า เมื่อผมได้พูดและเล่าถึง
สิ่งที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไรนั้น มา ณ ตรงที่ๆเราได้คุยกัน ทุกคนต่างขนลุกเช่นกัน
ในตอนที่ผมได้เล่าเรื่อง ของพลังงานนี้จบลง อาการขนลุกนั้น ก็ได้พลันหายไป นั่นหมายความว่า การติดต่อกับสิ่งนี้นั้น ได้จบลงแล้วแต่สิ่งที่เราได้บอกไปนั้นคือ การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เพื่อตอกย้ำให้น้องคนนี้ ได้มั่นใจว่า เขามีอยู่จริง และ เขายังอยู่ตรงนี้กับน้อง ยามเศร้า สุข ทุกข์ ไม่ได้เดินเดียวดาย มันคือความรักที่มอบให้กันและกัน
เรียกได้ว่า การที่พวกเราได้มาเจอกันในวันนี้นั้น ไม่ได้บังเอิญแน่นอน มันได้ถูกกำหนดมาไว้แล้ว กำหนดให้ผมนั้นเป็นสะพานเพื่อเชื่อมไปยังน้องๆเหล่านี้ และเป็นผู้ถ่ายทอด และ ตอกย้ำ ถึงความจริงที่มีอยู่ ความจริงที่ว่า น้องคนนี้ไม่ได้คิดไปเอง และ เพื่อย้ำเตือนให้เราทุกๆคน ที่ได้ อ่านมาถึงบรรทัดนี้ว่า ทุกคนมีสิ่งดีๆ ที่คอยดูแล ปกป้อง ยามที่เราอ่อนล้า อ่อนแรงนั้น ให้ลองคุยกับตัวเราเอง ให้ลองใช้เวลาอันมีค่า ได้เรียนรู้และสัมผัส ความรู้สึกที่เรามีต่อใจของเราเอง
ก่อนจะจากกันไปกับน้องๆ กลุ่มนี้
ผมได้หยิบของขวัญขึ้นมาชิ้นหนึ่ง พร้อมให้ทุกๆคนทายเลขที่ผมจะหยิบออกมาจากไพ่ทำนาย หากใครทายถูกคนๆนั้นคือเจ้าของสิ่งนี้
สรุปแล้ว มีคนทายถูกจริงๆ และ คนๆนี้ เหมาะสมกับของขวัญชิ้นนี้
เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าใช่จริงๆ เหมาะสมแล้วแหละ
หวังว่าสิ่งที่ได้บอก สอน และ แนะนำกันไปนั้น
ทุกคนจะได้รับถึงพลังแห่งแรงใจนี้
ให้ทุกคนได้เติบโตไปยังเส้นทางทีดีขึ้น ดีขึ้นยิ่งๆไป
เพราะการพบเจอกัน … ย่อมมีจากกันเสมอ…
จวบจนวันนั้นของพวกเรามาถึงนั่นเอง
สุดท้ายนี้ กับ คำกล่าวในทุกๆครั้งว่า
ขอให้อยู่กับปัจจุบันและอยู่กับใจของเราเอง
และแล้ววันนี้เรื่องราว…. ก็จบลง
